athena แหล่งความรู้athena แหล่งความรู้
  • Home
  • Boost Up!
    • Vibes
    • Hype
  • Bizz
  • Geek

Subscribe to Updates

Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.

What's Hot

แก้การ Burnout Burndown ! แนะนำ งานอดิเรก เยียวยาร่างกายและจิตใจ

30/09/2023

หลักสูตร HR มีใบวุฒิบัตร การบริหารทรัพยากรบุคคล รุ่นที่ 54

28/09/2023

ตลาดนัดและตลาดสด พัฒนาอสังหาฯ อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

26/09/2023
Facebook Instagram YouTube
  • ลงประกาศคอร์สฟรี
  • ดูรีวิวคอร์สอบรม
  • Home
  • Boost Up!
    1. Vibes
    2. Hype
    3. View All

    แก้การ Burnout Burndown ! แนะนำ งานอดิเรก เยียวยาร่างกายและจิตใจ

    30/09/2023

    เสริมสร้าง สุขภาพจิตดี ในที่ทำงาน การงานดี มีความสุข

    03/09/2023

    รวมของดี ! แอพคุยงาน ไม่วุ่นวายชีวิตส่วนตัว ใช้ง่าย เร็ว มีของฟรีด้วย

    20/08/2023

    วิธีเข้าสังคม หา Connection สร้าง Networking สกิลที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้

    27/04/2023

    แก้การ Burnout Burndown ! แนะนำ งานอดิเรก เยียวยาร่างกายและจิตใจ

    30/09/2023

    ทำธุรกิจกับเพื่อน-แฟน ดีหรือไม่ ? ทำอย่างไร ไม่ให้เสียสัมพันธ์

    13/08/2023

    เบื่อ.. เซ็ง.. ชาว introvert ทำอะไรดี ? แนะนำ 10 กิจกรรม Hit & Hype

    09/07/2023

    7 แอปออมเงิน ตัวช่วยบริหารจัดการ วิธีเก็บเงินให้ได้เร็ว !

    21/05/2023

    แก้การ Burnout Burndown ! แนะนำ งานอดิเรก เยียวยาร่างกายและจิตใจ

    30/09/2023

    เสริมสร้าง สุขภาพจิตดี ในที่ทำงาน การงานดี มีความสุข

    03/09/2023

    รวมของดี ! แอพคุยงาน ไม่วุ่นวายชีวิตส่วนตัว ใช้ง่าย เร็ว มีของฟรีด้วย

    20/08/2023

    ทำธุรกิจกับเพื่อน-แฟน ดีหรือไม่ ? ทำอย่างไร ไม่ให้เสียสัมพันธ์

    13/08/2023
  • Bizz
  • Geek
athena แหล่งความรู้athena แหล่งความรู้
เป็นเพื่อนกันเถอะ
by
อบรมดอทคอม
athena แหล่งความรู้athena แหล่งความรู้
Home » มัดใจลูกค้าง่าย ๆ เพียงรู้จักใช้กลยุทธ์ Music Marketing ให้ถูกจังหวะ 
Music Marketing
Bizz

มัดใจลูกค้าง่าย ๆ เพียงรู้จักใช้กลยุทธ์ Music Marketing ให้ถูกจังหวะ 

26/01/20232 Mins Read
แชร์ให้เพื่อน
Facebook Twitter LinkedIn

เคยสงสัยกันไหมว่า.. ทำไมรถเข็นไอศกรีมถึงใช้เสียงกระดิ่งดังกรุ่งกริ่งทุกครั้งเมื่อต้องตามบ้านใครต่อใครในยามเย็น และเคยรู้สึกประหลาดใจบ้างไหมว่าทำไมเสียงเพลงในร้านอาหารหรือคาเฟ่ถึงมีอำนาจดึงดูดให้ลูกค้านั่งอยู่กับที่แม้จะกินอาหารเสร็จแล้วก็ตาม คนออกกำลังกายในฟิตเนสเสมือนถูกแรงกระตุ้นจากเสียงเพลงเร้าใจให้มีพลัง หรือหากคุณเป็นหนึ่งในหลายแสนล้านคนบนโลกที่พรั้งเผลอด่วนซื้อของโดยไม่สนราคาแสนแพงของสินค้าชิ้นนั้น บางทีคุณอาจตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของเสียงเพลงเสียแล้ว Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลายธุรกิจหยิบใช้แล้วได้ผลมานาน กระทั่งโซเชียลมีเดียเข้ามาในชีวิตเราแบบเต็มตัว เมื่อนั้นเองที่จังหวะสะกดใจคนฟังเริ่มเปลี่ยนไป..

Music Marketing หากแค่เพียงการใช้เมโลดี้อันไพเราะร่วมคำร้องที่กังวาลก้องร้าน ไม่อาจช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้มันได้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าหากคิดจะใช้เสียงเพลง เราก็ต้องฟังเสียงของความเงียบให้เป็น แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น หลายคนคงพิศวงกับเจ้ากลยุทธ์เสียงเพลงนี้พอสมควร งั้นเรามารู้จักและเจาะลึกถึงเจ้าสิ่งนี้ไปพร้อมกัน

Music Marketing
Image by Kireyonok_Yuliya on Freepik

Music Marketing คืออะไร

Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ ‘เสียงเพลง’ เป็นเครื่องมือหลักสำหรับดึงดูด จูงใจและเสริมแรงพฤติกรรมผู้บริโภคให้เป็นไปตามที่ธุรกิจนั้นต้องการ ซึ่งตามกระบวนการรับรู้เสียงเพลงของสมองมนุษย์ เพลงมีบทบาทสำคัญคอยกระตุ้นสมองส่วนระบบเสริมแรงและให้รางวัล (Reward System) ซึ่งมีสารสื่อประสาทแห่งความสุขที่ชื่อ ‘โดปามีน’ (Dopamine) เป็นตัวเดินหลักของเกม แน่นอนว่าด่านแรกเมื่อคนได้ยินเพลงเพราะจะรู้สึกเป็นสุขสบายกาย ขณะเดียวกันก็เป็นตัวเสริมแรง (Reinforcement) กระตุ้นความอยากให้ผู้นั้นทำพฤติกรรมบางอย่างเพื่อเพิ่มความสุขให้พุ่งทะยานสูงปรี๊ดถึงระดับที่เรียกว่า Euphoria (เดี๋ยวเราจะพูดถึง ตัวเสริมแรง กันต่อในหัวข้อถัดไป) โดยกลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายด้านการตลาดดังต่อไปนี้

Euphoria เป็นภาวะความสุขสมหวังจนรู้สึกโล่งอกเบาหวิวและลืมตัวไปชั่วขณะ ซึ่งคล้ายกับอาการคนเคลิบเคลิ้มเวลาเสพสารเสพติด ภะเว้อภวังค์ในรัก หรือการถึงจุดไคล์แม็กซ์ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ที่หลายคนเรียกติดปากว่า 'ฟิน'

1. Branding

ใช้เป็นตัวร่วม (Factor) สำหรับสร้างเสริมตัวตนของแบรนด์ให้เด่นชัดขึ้น มีสไตล์เอกลักษณ์ น่าดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการทั้งนี้ข้อมูลสำรวจจาก Brand Channel และ HUI Research พบว่ากว่า 96% ของแบรนด์ที่ใช้เพลงที่เข้ากับสไตล์ของแบรนด์ช่วยให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 9% ตัวอย่างที่ทุกคนคุ้นเคยดีอย่างคือ รถไอศกรีมวอลกับเสียงเพลงที่ได้ยินทุกครั้งก็นึกถึงความสุขและความสดชื่น

2. Promoting

ใช้เพลงเป็นตัวเร่ง (Catalyst) พฤติกรรมลูกค้าให้ซื้อหรือใช้บริการในร้านมากขึ้น จะพบมากในกรณีของร้านอาหารและคาเฟ่ คุณคงทราบดีหากเคยเข้าร้านสตาร์บัคและมักจะได้ยินเพลย์ลิสต์ที่ให้ความรู้สึกชิลและผ่อนคลาย ชวนให้นั่งตัวลอยอยู่ในร้านได้ทั้งวัน

3. Loyalizing

สร้างความภักดีหรือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและคงทนระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้า ลูกค้าจะภูมิใจและรู้สึกพิเศษกว่าใครในทุก ๆ ครั้งเมื่อเข้ามาในร้านหรือใช้บริการ เช่น เสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ในสปา ให้คุณรู้สึกพิเศษกว่าใครเมื่อเข้าใช้บริการนวดของแบรนด์ดังอย่างปันปุริ

Don’t Forget !!! อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรคิดก่อนเลือกเพลงเพื่อดันการตลาด ก็คือเรื่องของบุคลิกภาพแบรนด์ (Brand Personality) หากเราเข้าใจตัวเองว่าเราคือใคร บางทีคุณอาจเป็นร้านชาบูสุดชิวสไตล์ญี่ปุ่น ร้านอาหาร Casual Dining สัญชาติอเมริกัน ร้านกิฟต์ช็อปราคาถูก ฟิตเนสนักกล้ามสุดเฮฟวี่ ซึ่งล้วนแล้วใช้เป็นตัวกำหนดเพลย์ลิสต์ที่คุณจะเลือกใช้ทั้งสิ้น จากการสำรวจบอกว่าหากเลือกเพลงไม่สอดรับกับประเภทธุรกิจของคุณจะส่งผลให้ยอดขายลดลงถึง 4%

ค้นหาตัวตน ปั้นแบรนด์ให้โดดเด่น เพียงเข้าใจ Brand Archetypes
Music Marketing
Image by wirestock on Freepik

ผนวกเข้ากับ “สิ่งเสริมแรง” ตัวช่วยด้านพฤติกรรมนิยม

เมื่อคุณได้เพลย์ลิสต์ที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณแล้วละก็.. สิ่งสำคัญและเป็นเทคนิคที่อยากนำเสนอคือ คุณต้องไม่ลืม สิ่งเสริมแรง หรือ Reinforcement และรู้จักใช้ตัวเสริมแรงให้เป็นประโยชน์ บ่อยครั้งที่การเสริมแรงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในแวดวงการศึกษาและจิตวิทยาการทดลอง ทว่ามีคนไม่มากที่ล่วงรู้วิธีประยุกต์ใช้ทฤษฎีเสริมแรงในงานการตลาด ครั้งนี้คงไม่พลาดหากจะกล่าวถึง บี.เอฟ. สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) นักจิตวิทยาแนว Behaviorism กับวิธีใช้ทฤษฎีที่เจ้าตัวคิดค้น โดยมาจากการนำหนูทดลองมาขังในกล่องห้องกล แล้วใช้สารพัดวิธีจูงใจให้หนูทำพฤติกรรมบางอย่าง เช่น กดคันโยก และทุกครั้งที่มันกดคันโยก ก็จะได้ ‘รางวัล’ เป็นสิ่งตอบแทน เขาทดลองให้รางวัลกับหนูทดลองหลากหลายวิธี ทั้งแบบแน่นอน (ให้รางวัลทุกครั้งเมื่อทำพฤติกรรมบางอย่าง) และแบบครั้งคราว ซึ่งแยกย่อย ซึ่งแบ่งเงื่อนไขการเสริมแรงออกเป็น 4 วิธี ได้แก่

1. สัดส่วนแน่นอน

เป็นวิธีเสริมแรงด้วยการให้ ‘สิ่งตอบแทน’ ในทุกครั้งที่แสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมตามที่เราต้องการ เช่น การชื่นชมลูกค้าทุกครั้งเมื่อลองเสื้อเพื่อ Cheer-up จนปิดการขายได้ การซื้อ 1 แถม 1 ในสินค้าใด ๆ ในทุกครั้งที่ลูกค้ามาเยือน การซื้อสะสมครบ 10 ชิ้น จะได้สิทธิพิเศษ ทว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะไม่คงทนและสม่ำเสมอ ลูกค้าอาจไม่รู้สึกฟินเท่าเดิมและยอมแพ้ระหว่างทางที่ไปถึงจุดหมาย (เนื่องด้วยมนุษย์ต่างชอบความท้าทาย)

2. สัดส่วนไม่แน่นอน

เช่น การแข่งขันเขียนคำขวัญชนะเลิศจนได้รางวัล การโต้วาทีจนได้รับคำชม เพราะวัดจำนวนไม่ได้แน่นอน อีกทั้งอาศัยปัจจัยแทรกซ้อนอื่นที่ไม่สามารถนับเป็นจำนวนได้ เช่น ความพอใจของคณะกรรมการ ระดับความสวย

3. แบบเวลาที่แน่นอน

เป็นวิธีเสริมแรงที่เน้นเงื่อนไขประกอบ เช่น ระยะเวลา จำนวนแต้มสะสม จำนวนความถี่ เปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าของชิ้นงาน ระดับขั้น โดยมากขึ้นอยู่กับประเภท ‘สัดส่วน’ และ ‘เวลา’ ที่เลือกใช้ จะเป็นเงื่อนไขแบบแน่นอนหรือไม่แน่นอนก็ได้ เพื่อเสริมแรงพฤติกรรมให้คงทน เช่น ได้กาแฟฟรีหนึ่งแก้วเมื่อเก็บอมยิ้มครบ 10 แต้ม การนอนครบ 7 ชั่วโมงเพื่อแลกคูปองลดหย่อนราคาสินค้าในศูนย์อาหาร 25% การลุ้นตอบคำถามหรือคิดสโลแกนสุดโดนเพื่อลุ้นรับโชคใหญ่ จองห้องคาราโอเกะมากกว่า 1 ชั่วโมง ฟรีเครื่องดื่ม เป็นต้น

4. แบบเวลาที่ไม่แน่นอน

เช่น ลูกน้องทำงานดีมาตลอด 10 ปี หัวหน้าถึงเพิ่งกล่าวคำชม

แน่นอนว่าหลังจากสกินเนอร์ทดลองแล้วเสร็จก็พบว่า วิธีการเสริมแรงที่ให้ผลดีที่สุด คือการเสริมแรงตาม สัดส่วนไม่แน่นอน (Variable-Ratio) เพราะจะก่อผลดีต่อการแสดงออกของพฤติกรรมที่สูงมาก ให้นึกภาพง่าย ๆ อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปว่าหากคุณกำลังเป็นผู้เข้าประกวดโต้วาที ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับเวลาและจำนวน แต่เป็นความสมเหตุสมผลของความเห็นที่มีน้ำหนักพอจะชักจูงคนฟังให้เชื่อตามดูสิ นั่นล่ะที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างคิดหาเหตุผลที่ดีที่สุดมาตอบโต้กันสุดความสามารถกับรางวัลและชื่อเสียงที่คู่ควรได้

Music Marketing
Image by Freepik

แต่หากใช้ “ตัวเสริมแรง” ดังกล่าวกับกรณีของ Music Marketing ล่ะจะให้ผลเช่นไร ? คำตอบคือสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับ Music Marketing ในเรื่อง การควบคุมสัดส่วนจังหวะเสียงต่าง ๆ ในเพลง ความเร็ว ความดัง (เดซิเบล) สถานที่ เมื่อลูกค้าแต่ละคนนั่งจุดที่ต่างกันภายในร้าน ย่อมส่งผลต่อคุณภาพของเสียง ดังทฤษฎีดนตรีว่าไว้.. เสียงเดินทางผ่านอากาศจะเกิดการตกกระทบวัตถุ หากวัสดุในร้านไม่ได้ออกแบบมาอย่างประณีตพอ จะเกิดเสียงสะท้อน และแน่นอนว่า เสียง คือ คลื่นเชิงกล เวลามันเดินทางเข้าไปในโสตประสาท ย่อมส่งผลต่อคลื่นสมองของมนุษย์ในระดับต่าง ๆ เช่น อัลฟ่า เบต้า ธีตา ซึ่งมีผลให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) หลั่งไหลจนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง จนส่งทอดมาถึงพฤติกรรมที่ปรากฏ เช่น หิว ความอยาก จนบางทีสิ่งที่เสียงกำลังชักจูงให้เราอยาก คงเป็นสิ่งที่นอกเหนือเกินกว่าสติสัมปชัญญะเราจะไปถึงก็เป็นได้ ในแง่หนึ่งเราเสียงที่ลอดเข้าสู่หูยังเกี่ยวข้องกับการแปรเปลี่ยนระดับความถี่คลื่นสมอง (Hz) ของมนุษย์ให้เกิดพฤติกรรมและความรู้สึกบางอย่าง เพียงอาศัยสัดส่วนและความถี่ของจังหวะและเนื้อร้องให้ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว จนเกิด ‘ดนตรีสะกดจิต’ ที่ล้วนชักใยการกระทำของผู้คนให้เป็นไปตามฮอร์โมนที่หลั่งพร่านในร่างกาย 

บทสรุปการนำไปใช้

การใช้เพลงเป็นสิ่งเสริมแรงเป็นทางเลือกที่ดีหากต้องการกระตุ้นยอดขาย หรือขับเน้นตัวตนของแบรนด์ให้โดดเด่นไปด้วยกันกับ CI (Corporate Identity) ตัวอื่น ดังกรณีศึกษาของประเทศสวีเดนที่หยิบยกประเด็นเรื่อง ‘ระดับเสียง’ ของเพลงในร้านอาหารมาศึกษาทดลอง จนพบว่าหากเปิดเสียงเพลงเบาในระดับ 55 เดซิเบล ลูกค้าจะสั่งอาหารรักสุขภาพ ทว่าหากเลื่อนระดับเสียงขึ้นถึง 70 เดซิเบลจะแปรเปลี่ยนให้ลูกค้าเลือกสั่งเมนูอาหารแบบทุ่มคุ้มสุดตัวทว่ามีโภชนาการต่ำกว่า และยิ่งจังหวะเพลงเร็วเท่าไหร่ อัตรา Turnover Rate ถึง 30% จะยิ่งกระตุ้นให้คนกินอาหารเร็วขึ้น ซึ่งคงจะดีมากให้เราใช้เสียงเหล่านั้นร่วมกับองค์ประกอบอื่นของร้าน เช่น การมองทิศทางการไหลของเสียง การแบ่งโซนความดังเบาของเสียง (มีผลต่อการอัพเซลล์เมนูแต่ละแบบ) สัดส่วนสีแสงโทนร้อนเย็น และในท้ายที่สุดที่คุณไม่ควรลืมก็คือ ทุกครั้งที่คุณใช้เพลง นั่นคือ ‘การเสริมแรง’ และเสียงเงียบสำหรับเว้นจังหวะ ก็คือการลดความเข้มข้นซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมนั้นตามไปด้วย

Cover Image : Image by tirachardz on Freepik

Credits :

  • https://www.inc.com/arianna-odell/heres-how-brands-can-harness-power-of-music-to-create-new-customer-experiences.html
  • https://www.creativethailand.org/view/article-read?article_id=33702&lang=th
  • https://thestandard.co/restaurant-music-explained
  • https://idealogicbrandlab.com/the-psychology-of-music-consumer-behavior

คอร์สอบรมแนะนำจาก อบรมดอทคอม

การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ

“การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ”

งานบุคคล HR การทำงาน

“บริหารทรัพยากรบุคคล HR การทำงาน ข้อมูลส่วนบุคคล PDPA”

เทคโนโลยี

“เทคโนโลยี”

คอร์สออนไลน์

“รวมคอร์สอบรมออนไลน์”

Initiate Ideas 4 Biz Music Marketing Music Marketing คือ กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การตลาดด้วยเสียงเพลง กลยุทธ์ธุรกิจ การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ จัดซื้อ การตลาด การขาย บริการ จิตวิทยาการตลาด ทำธุรกิจ มัดใจลูกค้า

Related Posts

อบรมการขาย : Proactive Sales for increasing New Customer

2 Mins Read

สัมมนาเคล็ดลับ การลงทุน การพัฒนาโครงการ มิกซ์ยูส-คอมมูนิตี้มอลล์ รุ่นที่ 3

1 Min Read

หลักสูตร SROI การประเมินผลตอบแทนทางสังคม จากการลงทุน

1 Min Read

Strategic Human Resource Management And Business Leadership

2 Mins Read

สัมมนาออนไลน์ เริ่มต้นธุรกิจ Japan Business Visa

1 Min Read

The Next Frontier of Supply Chain Management

1 Min Read

แอด LINE Id : @aobrom

อัปเดต *ความรู้ใหม่* ข่าวคอร์สอบรม สอนทำธุรกิจ พัฒนาตนเอง ทักษะไอที by อบรมดอทคอม

เพิ่มเพื่อน
คนละ 1 LIKE *เป็นกำลังใจให้เรา*
อบรมดอทคอม
ความรู้ใหม่ ๆ ไม่ควรพลาด
Hype

แก้การ Burnout Burndown ! แนะนำ งานอดิเรก เยียวยาร่างกายและจิตใจ

30/09/2023
Vibes

เสริมสร้าง สุขภาพจิตดี ในที่ทำงาน การงานดี มีความสุข

03/09/2023
Geek

รวมของดี ! แอพคุยงาน ไม่วุ่นวายชีวิตส่วนตัว ใช้ง่าย เร็ว มีของฟรีด้วย

20/08/2023
Bizz

ทำธุรกิจกับเพื่อน-แฟน ดีหรือไม่ ? ทำอย่างไร ไม่ให้เสียสัมพันธ์

13/08/2023
Bizz

7 แนวคิดไอเดียทำ Content Marketing ใหม่ ๆ เพิ่มยอดไลค์ สร้างยอดวิว

17/07/2023
ติดตาม athena จาก social อื่น ๆ
  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube
athena แหล่งความรู้
Facebook Instagram YouTube
  • Home
  • Vibes
  • Hype
  • Bizz
  • Geek
© 2023 อบรมดอทคอม. Crafted by Heart.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.