ดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ

ถ้าหากใครนั่งติดอยู่กับโต๊ะทำงาน นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดวัน หรือสาวก “มนุษย์เงินเดือน” แบบเรา ๆ ที่ทำงานวันนึงต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงไม่ได้พัก หรือมีการเปลี่ยนอิริยาบถน้อยมากในแต่ละวัน ไม่ต้องแปลกใจ.. คุณก็คือคนนึงที่กำลังเสี่ยงหรืออยู่ในสภาวะของ โรคออฟฟิศซินโดรม เสียแล้ว โรคยอดฮิตของชาวออฟฟิศ…

วิธีคิดหาไอเดียสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มโซเชีลมีเดียที่ unique เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ถือเป็นสกิลที่สำคัญมากของนักการตลาดสมัยใหม่ในการทำ Content Marketing เพราะหากมีคอนเทนต์ที่ดี…

เคยสงสัยกันไหมว่า.. ทำไมรถเข็นไอศกรีมถึงใช้เสียงกระดิ่งดังกรุ่งกริ่งทุกครั้งเมื่อต้องตามบ้านใครต่อใครในยามเย็น และเคยรู้สึกประหลาดใจบ้างไหมว่าทำไมเสียงเพลงในร้านอาหารหรือคาเฟ่ถึงมีอำนาจดึงดูดให้ลูกค้านั่งอยู่กับที่แม้จะกินอาหารเสร็จแล้วก็ตาม คนออกกำลังกายในฟิตเนสเสมือนถูกแรงกระตุ้นจากเสียงเพลงเร้าใจให้มีพลัง หรือหากคุณเป็นหนึ่งในหลายแสนล้านคนบนโลกที่พรั้งเผลอด่วนซื้อของโดยไม่สนราคาแสนแพงของสินค้าชิ้นนั้น บางทีคุณอาจตกอยู่ภายใต้อำนาจสะกดของเสียงเพลงเสียแล้ว Music Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลายธุรกิจหยิบใช้แล้วได้ผลมานาน กระทั่งโซเชียลมีเดียเข้ามาในชีวิตเราแบบเต็มตัว…

แม้ว่าสงครามและโรคระบาดจะเริ่มซาลงกว่าแต่ก่อน ทว่ากระแสเทรนด์ดิจิทัลก็ยังคงมาแรงไม่หยุดยั้ง เพียงไม่ทันไรโลกของเราก็เริ่มพลัดเปลี่ยนจาก Digital Marketing (DM) สู่ Metaverse Marketing (MM)…

โลกธุรกิจยุคดิจิทัลทุกวันนี้.. การแข่งขันสูง ต้องแข่งกับเวลา วิธีบริหารแบบเดิมที่เน้นวางแผนกลยุทธ์ให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยลงมือทำ ถือว่าช้าเกินไปและใช้ไม่ได้ผลดีกับยุคนี้แล้ว ซึ่งปัญหานี้ก่อให้เกิดโซลูชันการบริหารแบบใหม่ คือ “การบริหารด้วย Business Model…

หัวใจหลักของ Marketing 4.0 คือ การบูรณาการเครื่องมือทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เกิดจากดิจิตัลเทคโนโลยีต่าง ๆ ผสมผสานเข้ากับ กลยุทธ์การตลาด จนเกิดเป็น Big…

Business knowledge 84%
Technology 71%
Self development 79%
Potential improvement 60%

Athena new release

การเรียนภาษาใครว่าต้องจริงจังเคร่งเครียดเสมอไป วันนี้เราได้รวบรวมแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาต่างประเทศหรือ แอปเรียนภาษา ยอดนิยม ที่มีคะแนนรีวิวสูง ๆ ทั้งนั้น ใครหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ผลจริง” และนอกจากเรียนภาษาที่สองหรือสามจะเป็นการพัฒนาตนเอง…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลงานขององค์กรเพื่อให้ได้งานเชิงพัฒนามากขึ้น หลายองค์กรได้เลือกทำการปรับปรุงแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานเช่น KPIs โดยเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนา รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลงานแบบที่มุ่งเหตุที่ทำให้เกิดผล และผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการ มากกว่าที่จะตั้งตัวชี้วัดผลงานแบบงานประจำ และตัวชี้วัดผลงานที่มุ่งวัดผลเบื้องต้นเท่านั้น…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? ทําความรู้จักกับไคเซ็น (KAIZEN) เครื่องมือที่ช่วยในการทําไคเซ็นในสํานักงาน หมวดหมู่ งานบุคคล HR การทำงาน…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? สัมมนาฟรี แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2024 กับการปรับกลยุทธ์ของนักธุรกิจไทย Strategic Center ขอเชิญเข้าร่วมงาน สัมมนาธุรกิจ…

คอร์สอบรมนี้สอนอะไร ? การแข่งขันทางธุรกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในยุคแห่งความรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Age) การบริหารเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จดูเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นทุกขณะ โดยผู้บริหารต้องเห็น 3C กล่าวคือ Change…

ดาเมจรุนแรงมากสำหรับกระแส Sustainability รณรงค์ให้คนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กระแสพุ่งตรงแรงที่ตั้งแต่ระดับตัวบุคคล ครอบครัว คนรักสุขภาพมากขึ้นและก็รักษ์โลกไปด้วย ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ใหญ่ บริษัทแบรนด์ใหญ่ ๆ รีแบรนด์ตัวเองให้เป็นสาวก Eco Friendly ออกแคมเปญโปรโมท Sustainability มากมาย ตลอดจนการลงทุนาสร้างโปรเจคอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และแน่นอนว่ามันคีพคูลเข้ากับเทรนด์ Eco Friendly ในเจเนอเรชั่นนี้มาก…

ทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง แต่ว่าชีวิตและหน้าที่ของเรานั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่สามารถจัดแจงเวลาของตัวเองได้ ก็อยากจะขอแนะนำวิธี Work Life Balance ที่จะมาช่วยจัดการชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ให้กลับมาเป็นระเบียบ และสามารถมีเวลาว่างเพียงพอให้คุณได้ไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ งานอดิเรกอื่น ๆ หรือจะอยู่กับครอบครัวและคนรอบข้างก็ได้เช่นเดียวกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง.. เลือกใช้ให้เหมาะปรับใช้ให้เเมชกับคุณ ! รวมวิธีเด็ด Work Life Balance ปรับให้เข้ากับสไตล์คุณ ก่อนอื่นต้องบอกว่าการ Work Life Balance ของแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกัน แต่จะมีวิธีการหรือสูตรสำเร็จที่คล้ายกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคุณได้ ซึ่งสูตรที่จะแนะนำต่อไปนี้นับว่าเป็นวิธีที่นิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ และแต่ละสูตรก็มีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องเริ่มที่การ ปรับ mindset หรือกรอบความคิดของตัวเองให้ได้ก่อน จำไว้ว่า.. มิติของชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าหากปรับ mindset ไม่ได้ ต่อให้สูตรใด ๆ วิเศษแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จอย่างแน่นอน 1. สูตรแบ่งเวลา 8 + 8 + 8 = 24 ชั่วโมง สูตรแรกนับว่าเป็นนาฬิกาชีวิตที่ทุกคนพอจะรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ นอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง , ทำงาน 8 ชั่วโมง และทำกิจกรรมอื่น ๆ อีก 8 ชั่วโมง วิธีนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดแล้วของการทำ Work Life Balance แต่จะต้องกำหนดเวลาในแต่ละส่วนให้ชัดเจนอย่างดี ไม่มีการผ่อนผันหรือผ่อนปรนใด ๆ…

มีแฟนเป็นคนขยันมันก็ดีต่อใจที่เขาเป็นคนเอาการเอางาน ในขณะที่หลายคู่กลับรู้สึกเพลียใจว่าแฟนบ้างานเกินไป จนแทบไม่มีเวลามาใส่ใจในเรื่องความรักกันบ้างเลย ทำให้เรารู้สึกน้อยใจอยู่บ่อย ๆ ว่าตอนนี้ยังรักกันอยู่หรือเปล่า เอาล่ะ ! วันนี้เรามี 5 วิธีรับมือง่าย ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคู่รักที่มีแฟนเป็นชาว Workaholic หรือ “คนบ้างาน” มาฝากนั่นเอง อ่านจบรับรองว่าคุณจะเข้าใจมนุษย์แฟนบ้างานคนนี้มากขึ้น และเผลอ ๆ จะทำให้ชีวิตคู่ลงตัวมากขึ้นด้วยค่ะ 1. Slow down ถามตัวเองก่อน… ข้อแรกนี้สำคัญ เป็นข้อเปิดหัวเลยก็ว่าได้ นั่นคือก่อนที่เราจะไปนอยด์ใส่ว่าเขาเป็นแฟนบ้างานนั้น ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อนว่าแฟนบ้างานแล้วความรักยังดีอยู่ไหม ? เราต้องการมากเกินพอดีหรือไม่ ? เพราะสำหรับบางคู่ จริง ๆ การไปนอยด์ใส่กันมันกระทบต่อความสัมพันธ์ ในบางกรณีแม้ว่าแฟนจะเป็นพวกบ้างาน แต่ก็ยังหาเวลามาดูแลเอาใจใส่กันได้เป็นอย่างดีหรือในระดับที่พอดี หรือเขาเป็นแฟนในแบบที่เห็นงานสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนทุกเรื่องเสมอ คุณต้องทบทวนให้ดีก่อนตัดสินใจ 2. Say that ! ไม่พูดก็ไม่เข้าใจกัน ถ้าทบทวนข้อแรกดีแล้ว… นี่คือขั้นตอนต่อมา ก่อนอื่นเราอยากให้คุณเชื่อเถอะว่าคนบ้างานส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวว่ากำลังบ้างานอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าใครกำลังเดือดแฟน ขอให้ลดระดับลงมาครึ่งนึงก่อนที่จะทำตามวิธีในขั้นตอนนี้ เพราะเราจะแนะนำให้คุณพูดมันออกมาค่ะ ! ถ้าเรามัวแต่ดราม่า น้อยใจเก็บไว้คนเดียวโดยไม่พูดออกมา แฟนบ้างานก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกเชื่อได้เลย ซึ่งจะดีกว่าไหมถ้าเราต้องการเวลาจากเขาหรืออยากให้เขาปรับอะไรบ้าง เราก็แค่ต้องใจเย็น ตั้งสติ ท่องไว้ว่าต้องใช้เหตุและผลเสมอ จากนั้นค่อย ๆ พูดความต้องการของเราออกมา คุณต้องรวบรวมสมาธิให้ดี และระมัดระวังให้ไม่นำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้นอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเรื่องนี้กำลังเป็นปัญหากับชีวิตคู่ของเรา และคุณต้องการอะไรจากเขา พูดคุยกันบนพื้นฐานของคนที่ต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก แม้ท้ายที่สุด อาจจะมีทะเลาะกัน แต่ยังดีกว่าปล่อยเงียบให้เป็นปัญหากัดกินใจของเราต่อไป ผู้เสพติดงานนั้นมักจะไม่เห็นว่าพฤติกรรมของตัวเองเป็นปัญหา เพราะเมื่อพวกเขาทำงานปริมาณมาก พวกเขาก็มักจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น รวมถึงการเลื่อนตำแหน่งศ.เชาเฟลี. https://www.bbc.com/thai/international-43651278 3. Reasonable เข้าใจเหตุผลของชาว Workaholic…

หลายครั้งพฤติกรรมบางอย่างที่แสดงออกมา เราก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น จนทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง หรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่พอใจที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา แต่ทุกอย่างสามารถแก้ได้ เพียงแค่เรา “เข้าใจตัวเอง” ให้มากยิ่งขึ้น แต่การจะเข้าใจได้นั้น ก็ต้องมีหลักการหรือทฤษฎีมารองรับเสียหน่อย เพื่อการพัฒนาที่ดีและตรงจุด เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Satir Model แนวคิดทางด้านจิตวิทยาเพื่อ บำบัดจิต ที่วงการจิตแพทย์ทั่วโลกต่างก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย เริ่มต้นเข้าใจตัวเอง ด้วย ซาเทียร์โมเดล บำบัดจิต ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับแนวคิดของ Satir Model กันก่อน โดยแนวคิดนี้คิดโดย เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ แพทย์บำบัดครอบครัว ที่ได้นำเรื่องของจิตใจมนุษย์มาเปรียบเทียบเป็นภูเขาน้ำแข็ง ที่ปกติจะมียอดน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ ในขณะที่ภูเขาน้ำแข็งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ก้นบึ้งของมหาสมุทร โดยสามารถแบ่งชั้น ๆ ได้ดังนี้ 1. พฤติกรรมที่แสดงออกมา (Behavior) สิ่งที่เห็นได้ชัดหรือเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นก็คือพฤติกรรมที่สามารถแสดงออกได้ผ่านทางคำพูด น้ำเสียง อากัปกริยา หรือการแสดงออกต่าง ๆ ที่อาจตอบสนองกับตัวเอง หรือต้องการจะสื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับความรู้สึก ตัวอย่างเช่น ลูกกลับบ้านช้า ไม่เป็นไปตามที่ตกลง พ่อแม่เลยตีลูก ซาเทียร์จัดให้ส่วนนี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่พ้นน้ำ 2. ความรู้สึก (Feelings) ความรู้สึก นับว่าเป็นสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ภายในและเลือกที่จะแสดงออกมาให้เห็น เช่น ดีใจ เสียใจ เศร้า หดหู่ สิ้นหวัง ท้อแท้ เหนื่อย กลัว และอื่น ๆ ที่สามารถระบุได้ว่าเป็นความรู้สึก ตัวอย่างเช่น พ่อแม่โกรธลูกที่กลับบ้านช้าสุด ๆ แต่ความรู้สึกของมนุษย์ ไม่ได้มีเพียงแค่ “ความรู้สึก” ที่แสดงออกมาเท่านั้น เพราะความรู้สึกของมนุษย์มีความซับซ้อนขึ้นไปอีกว่า ความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้น แท้จริงแล้วในใจลึก ๆ…

ในแต่ละวันเราต่างก็ต้องใช้พลังงานจากสารอาหารในการดำเนินชีวิต และมื้อที่สำคัญที่สุดเพื่อบูสต์อัพพลังงานของคุณให้มีเรี่ยวแรงไปลุยงานได้ตลอดวัน ก็คงหนีไม่พ้นมื้อเช้า และแน่นอน.. เราจะมาคุยกันด้วยเรื่องของ “เมนูอาหารเช้า” ที่เหมาะแก่การให้พลังงานที่ดีต่อร่างกาย ทำให้สามารถออกไปเรียน ออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญเมนูอาหารเช้าที่เราจะไปโฟกัสกันเหล่านั้น เน้นให้พลังงานตลอดทั้งวัน มีประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะกับวัยรุ่นวัยเรียนลุยหนักอ่านหนังสือสอบ หรือหนุ่มสาววัยทำงานเข้าออฟฟิศ ทานได้เป็นประจำ ทำไม่ยากและหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ข้อดีของการทานอาหารเช้า เป็นประจำทุกวัน ชีวิตของคนในปัจจุบันมักจะละเลยอาหารเช้า โดยเฉพาะคนที่ทำงานในเมือง และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางไปทำงานที่เคร่งเครียด ทั้ง ๆ ที่มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่ควรทานเป็นประจำ หากขาดไปแล้วไปเน้นบริโภคมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นทดแทนก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคุณคงทราบดีว่ามื้ออาหารเหล่านั้นมีความสำคัญรองลงมา บางครั้งหากคุณบริโภคเพียงอาหารเช้าเพียงอย่างเดียวให้ได้ดีตามหลักโภชนาการแล้วละก็.. เผลอ ๆ มื้ออื่นก็ไม่จำเป็น เพราะประโยชน์ของเจ้ามื้อเช้ามีดังต่อไปนี้.. 1. ช่วยสะสมพลังงานในร่างกาย ช่วงเวลาที่เรานอนหลับประมาณ 8 ชั่วโมง คือช่วงเวลาที่เราไม่ได้รับสารอาหารใด ดังนั้นพลังงานที่อยู่ในร่างกายของวันเก่า ก็จะถูกนำมาใช้จนหมด ดังนั้นการทานอาหารเช้า จึงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะเมื่อตื่นมาร่างกายจะต้องการพลังงาน ถ้าเราได้ทานอาหารเช้า พลังงานในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี 2. ช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี การทานอาหารเช้าไม่ว่าจะเป็นเมนูเบา ๆ หรือเป็นเมนูหนัก ร่างกายจะมีการเผาผลาญพลังงานและกระบวนการย่อยได้อย่างดีเยี่ยมกว่ามื้ออื่น ๆ  จะสังเกตเห็นว่าในการลดน้ำหนัก โปรแกรมโภชนาการต่าง ๆ จะให้ความสำคัญกับมื้อเช้าเป็นพิเศษ และลดความสำคัญของมื้อเย็นแทน เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงที่เริ่มต้นวันใหม่ในการทำกิจกรรม การทำงานต่าง ๆ ก็จะช่วยเผาพลาญและได้รับสารอาหารที่ดี 3. ทำให้สมองและร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เมื่อตื่นนอนและได้รับประทานอาหารเช้า จะช่วยทำให้กลูโคสในร่างกายจะช่วยทำให้สมองแล่น อีกทั้งยังให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง ช่วยทำให้มีสมาธิได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือไม่ง่วงนอน อารมณ์ดี สดใสได้ตลอดทั้งวัน หากได้รับสารอาหารที่เพียงพอ 4. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค เบาหวาน หัวใจ และอัลไซเมอร์ ถ้าหากทานอาหารเช้าเป็นประจำ ตามหลักการแพทย์มีระบุไว้ชัดเจนว่า…

ในโลกที่การสื่อสารไร้ขีดจำกัด องค์กรหรือบริษัทชื่อดัง ต่างให้ความสำคัญกับการสื่อสารมากขึ้น เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมาย วันนี้เรามี แอพคุยงาน อัพเดตใหม่มาแนะนำ พบกับ 8 แอพพลิเคชันคุยงาน ที่มีฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย สามารถใช้พูดคุยสื่อสาร ส่งไฟล์ หรือติดต่อประสานงานกับคนภายในหรือนอกองค์กรได้ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้อย่างสมดุล จะมีแอพอะไรบ้างนั้น ไปติดตามชมพร้อม ๆ กัน รวมข้อดี – ข้อเสีย 8 แอพคุยงาน เลือกใช้ได้ตามแต่ละองค์กร 1. Slack แอพคุยงาน Slack เหมาะกับการใช้งานในองค์กรหรือออฟฟิศที่เน้นการแชทแบบห้องสนทนา เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน หรือส่งไฟล์หากัน และค้นหาบทสนทนาเก่า ๆ ได้ ภายในแอพ Slack มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ช่วยจัดระเบียบข้อความในแชทแบบไม่กินพื้นที่ แอพนี้ถ้าคุยกันให้ลึกขึ้นอีก คือสามารถไปถึงขั้น Enterprise ได้เลย คือมี bot หรือ plugin ต่าง ๆ มากมายในการเปิด Workflow หรือ Ticket เพื่อทำ Channel Inquiry มี Bot Translate มากไปกว่านั้น Slack ยังมี Third Party มากมายที่สามารถนำมา Plug-in กันได้ หรือเจ้า Slack นี่เองก็มีตัว Adapter ให้เชื่อมต่อกับแอพอื่น ๆ เพื่อการทำงานที่ไร้รอยต่อได้เช่นกัน ข้อดี ข้อเสีย 2. Workplace มาต่อกันที่แอพ Workplace อีกหนึ่งแอพพลิเคชันที่เน้นใช้งานในองค์กร แอพนี้ถูกพัฒนาโดย Meta หรือ Facebook ซึ่งมีการปรับใช้เหมาะกับการทำงานในองค์กร ภายในมีฟีเจอร์คล้ายคลึงกับ Facebook แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ แอพ Workplace จะแบ่งออกเป็นส่วน 2 คือ ส่วนหน้าฟีด และส่วนแชทที่จัดทำเป็นแอพโดยเฉพาะ ข้อดี ข้อเสีย 3.…